ไม่อยากรักพัง อย่าคิดลองใจ

เคยคิดกันเล่น ๆ ไหมคะว่ามีอะไรในโลกนี้ที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ อย่าว่าแต่โลกใบนี้หรือใบไหนเลย เท่าที่พอจะนึกออกก็น่าจะเป็นไสยศาสตร์ ซึ่งยังเป็นเรื่องลี้ลับสำหรับมนุษย์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังสามารถสร้างสมมติฐานตามหลักวิทยาศาสตร์ และมีคนอธิบายมันได้เสมอ แม้ว่าบางทีจะน่าเชื่อถือ และบางทีจะน่าสงสัย แต่หากว่ากันตามตรง ไสยศาสตร์ยังคงมีหลักการและทฤษฎีให้ศึกษาได้เป็นตำราเล่มโต แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งนะคะที่คนเราไม่สามารถหาคำตอบ หรือสร้างทฤษฎีตายตัวให้กับมันได้ นั่นคือ “ความรัก” และดูเหมือนว่าต่อให้นักวิทยาศาสตร์จะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถรู้ส่วนประกอบของความรักได้ เมื่อมันไม่มีส่วนผสมของสารเคมี และมักจะเกิดนอกห้องทดลอง การจะพิสูจน์หรือลองใจความรัก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ควรจะทำ

ความรัก ≠ การพิสูจน์

ความรักอาจเป็นสิ่งที่ลึกลับเกินกว่าที่จะนำมาทดลอง เคยคิดกันเล่น ๆ ไหมคะว่าถ้าความรักมีบทพิสูจน์ตายตัว มีกฎการเกิดเหมือนปรากฎการณ์ธรรมชาติอื่น ๆ คนเราคงรู้วิธีที่จะจัดการกับมันมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็ยังอยากสวมบทบาทเป็นนักพิสูจน์ อยากทดลองในเรื่องความรัก ซึ่งคนส่วนมากก็คงอยากรู้ความรักของตัวเองเป็นอย่างไร มากหรือน้อยแค่ไหน จริงแท้หรือแปลกปลอม

แน่นอนว่าหลายคนเคยลองพยายามพิสูจน์ด้วยทฤษฎี ที่สร้างขึ้นเองในรูปแบบของตน เช่น อยากรู้ว่าเขารักเราจริงไหม ก็มักพิสูจน์ด้วยความอดทน ว่ากันว่าคนเราจะอดทนอย่างไม่น่าเชื่อกับคนที่เรารัก เพราะฉะนั้นหากเขาอดทนกับเรามาก ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขารักเราจริง หรืออยากรู้ว่าเขารักเรามากแค่ไหน ก็อาจพิสูจน์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เอาอกเอาใจ แล้วแต่สมมติฐานที่จะตั้งขึ้นเอง แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันผลการทดลองอยู่ดี ใครบางคนอาจมีความอดทนกับเรามากก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะความเอ็นดู

 

ทำไมต้องพิสูจน์และลองใจความรัก

เป็นคำถามที่หลายคนคงอยากกันรู้ ว่าเจ้าความรักนี้มีทั้งของจริงและของปลอมเหมือนสินค้าแบรนด์เนมหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่าใคร ๆ ก็อยากได้ความรักที่แท้จริงและคงทนถาวรจากใครสักคน จึงได้อยากรู้ว่าความรักที่ตนครอบครองอยู่นั้น มันใช่อย่างที่เราต้องการหรือเปล่า เคยมีคำกล่าวหนึ่งบอกว่า “ใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะบอกว่ารักใครสักคนมากแค่ไหน แต่กลับต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์คำพูดนั้น บางทีเราก็ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตะทำความรู้จักกับใครสักคนอย่างแท้จริง ซึ่งการจะพิสูจน์ความรักก็อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเช่นกัน

รักกันไม่ต้องลองใจ เพราะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง

ลองใจแล้วได้อะไร ถ้าหากเราสร้างสถานการณ์ขึ้นมาจริง ๆ แล้วเกิดคนรักของเราไม่ทำตามทฤษฎีพิสูจน์รักแท้ อย่างที่ตั้งไว้ เราจะทำอย่างไรต่อไปกับความรู้สึกที่ตามมา หรือหากคนรักของเราไปตามเกมที่เราตั้งไว้ อีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ถ้าโดนลองใจบ่อย ๆ เข้า เราจะมีความสุขไหม ถ้าคน ๆ หนึ่ง ไม่เคยเชื่อใจกัน หรือเขาลองใจกลับบ้าง ความรักของเราจะกระท่อนกระแท่นแค่ไหน ที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ไหนจริง หรือเหตุการณ์ไหนจัดฉาก เพียงเพราะอยากรู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน

เราควรคิดเสมอว่าไม่ว่าทฤษฎีใด ๆ ก็ตามก็ใช้กับความรักไม่ได้ เพราะสำหรับความรักแล้ว ทุกอย่างคือข้อยกเว้น เมื่อมองในมุมมองของความรัก ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนไม่มีคำอธิบาย คนเรารักกัน ไม่จำเป็นที่ต้องลองใจหรือพิสูจน์กันเลยว่าเขารักเราไหม รักมากแค่ไหน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป มันมักจะมีโจทย์ใหม่ ๆ เข้ามาเสมอเพื่อให้เราได้พิสูจน์ใจกันทุกวัน เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “หนเวลาพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”

เรื่องความรักไม่มีใครเก่งกว่าใคร อยู่ที่ว่าใครตั้งสติได้มากกว่ากัน อยากรู้ว่าเขารักเรามากแค่ไหน เลยประดิษฐ์โจทย์มากมายเพื่อวัดใจ จนลืมไปว่าลองใจกับทำร้ายใจมันใกล้กันมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะทำร้ายใจเขา หรือทำร้ายใจเราเอง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปวัดใจกันหรอกค่ะ เพราะการจะประคองความรักให้ผ่านไปในแต่ละวันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะต้องเจอบทพิสูจน์ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องไปสร้างมันขึ้นมาเลย และทีนี้อยู่ที่ว่าใครมีสติมากกว่ากัน คนนั้นก็จะผ่านมันไปได้ และได้รับคำตอบโดยไม่ต้องค้นหา

ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนั้น ไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลยที่เราจะต้องมาค้นหาคำตอบว่า ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นจริงแท้ หรือมากน้อยแค่ไหน ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น มาตราที่จะนำมาใช้วัดปริมาณก็ไม่ใช่หน่วยเดียวกัน ความรักจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์หรือลองใจด้วยหลักการ ทฤษฎีใด ๆ แค่เชื่อในความรักที่ใครคนนั้นมีให้คุณ แค่เชื่อในความรักที่คุณมีให้เขา แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ลึกลับแบบไสยศาสตร์ แต่เรื่องของความรัก อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

1 thoughts on “ไม่อยากรักพัง อย่าคิดลองใจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *