ไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยเจ็บปวด คุณว่าจริงไหม? คงไม่มีใครที่ชีวิตจะพบเจอแต่ความสุข โดยเฉพาะในเรื่องราวของความรัก อาจจะเหมือนอย่างคำกล่าวที่บอกว่า “หากไม่เคยทุกข์ จะรู้จักความสุขได้อย่างไร” ซึ่งบางคนอาจจะใช้เวลาไม่นานที่จะเยียวยาความเจ็บปวดนั้น แต่กับบางคนอาจจะใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อก้าวข้ามความทรงจำอันเลวร้าย ความรู้สึกที่เจ็บปวดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานซ้ำไปและซ้ำมา หากคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เราจะมาแนะวิธีก้าวข้ามความทรงจำเลวร้ายที่เจ็บปวดจากความรักกันค่ะ
ทำไมคนเราจึงเจ็บปวดกับความทรงจำที่ไม่ดี
ก่อนจะพูดถึงความเจ็บปวดจากความทรงจำที่ไม่ดี เราต้องรู้ก่อนว่าการที่เราเจ็บปวดจากความรักมันเกิดมาจากความคาดหวังของตัวเราเอง เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่เราหวัง แน่นอนว่ามันก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดา ส่วนในเรื่องของความทรงจำที่ไม่ดีนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับเด็ก สมมติเด็กคนหนึ่งเดิน ๆ ไป แล้วโดนหมากัด แน่นอนว่าเด็กต้องเจ็บปวดจากแผลภายนอกที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน จิตใจของเด็กก็เกิดบาดแผลขึ้นมาด้วยเช่นกัน วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เด็กยังคงฝังใจกับหมา ยังคงมีความกังวล เครียด ทุกครั้งที่เจอหมา เพราะยังมีความทรงจำที่ไม่ดีนั้นฝังอยู่ในจิตใจ คนเราเมื่อเครียด กังวล ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด เพราะฮอร์โมนแห่งความสุขของเรามันหายไป ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้หรอกค่ะว่า เด็กคนนี้จะก้าวข้ามความเจ็บปวด หรือก้าวข้ามความทรงจำที่ไม่ดีนี้ได้เมื่อไหร่
เช่นเดียวกับความรัก คนที่มีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรัก คือ ยังฝังใจและยึดติดกับความเจ็บปวดนั้น บางคนอาจจะไม่ยึดติดกับความทรงจำที่ไม่ดีนะคะ แต่ยึดติดกับความทรงจำดี ๆ เลยไม่สามารถที่จะ move on ไปได้
วิธีรับมือเพื่อก้าวข้ามความทรงจำเลวร้ายจากความรัก
เมื่อเราเข้าใจสาเหตุว่าทำไมเราถึงไม่สามารถก้าวข้ามความทรงจำที่เจ็บปวดแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปคือการเอาชนะความเจ็บปวดนั้นนั่นเอง ซึ่งสามารถลองทำตามได้ดังนี้
1. ให้เวลากับตัวเอง
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า บางคนก็ใช้เวลาไม่นานที่จะก้าวข้ามความทรงจำที่ไม่ดี แต่บางคนก็ใช้เวลายาวนานจนเกือบจะใช้เวลาทั้งชีวิต นั่นหมายความว่า การใช้เวลาทำใจจะมากหรือน้อยไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปกดดันตัวเองว่า ทำไมเราถึงก้าวไม่พ้นสักที หรือหากใครที่มีเพื่อนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ให้เวลาเขาเถอะค่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะก้าวผ่าน เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาของเขา ทุกคนมีเวลาของตัว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ดังนั้น ให้เวลากับตัวเองเท่าที่ตัวเราไหว ไม่มีใครตอบได้ว่าเมื่อไหร่ มีแค่ตัวเราเท่านั้นที่รู้
2. ร้องไห้ออกมา
การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด การไม่ร้องต่างหากล่ะคะที่ไม่ดีแน่ ๆ เมื่อเรายอมรับว่าความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของเราแล้ว เสียใจก็แค่ร้องไห้ออกมา คนเราสามารถอ่อนแอได้ ร้องไห้ได้ สิ่งสำคัญคือการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ ร้องให้พอ เมื่อพอแล้วให้หยุดและพร้อมจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ในทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การร้องไห้จะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เครียดน้อยลง หลังจากร้องไห้ ลองนอนพักสักหน่อย เมื่อตื่นขึ้นมาคุณจะรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
3. หากิจกรรมทำ
อย่าปล่อยให้ตัวเราตกอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ดำดิ่งบ่อย ๆ เพราะเมื่อไรที่เรารู้สึกเศร้า กังวล ซ้ำไปซ้ำมา แล้วไม่สามารถดึงตัวเองขึ้นจากวังวนนี้ ที่สุดแล้วคุณจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า ลองหากิจกรรมที่ชอบทำ แต่ถ้ากิจกรรมที่ทำแล้วไปจี้ใจให้นึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ก็ลองเปิดใจ หากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำดูบ้าง อะไรที่ไม่เคยทำ ที่ไหนที่ไม่เคยไป ไปสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ระเบิดความสนุกนั้นออกมาค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปหาความสุขเหล่านี้มาทำ อย่าลืมที่จะทำความเข้าใจในตัวคุณเองก่อนนะคะ ว่าตอนนี้ร่างกายและจิตใจของเราต้องการความสุขเบอร์ไหน อย่าทำด้วยความรู้สึกฝืนใจหรือกดดันตัวเองเกินไป เพราะแทนที่จะมีความสุข อาจจะกลายเป็นความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
4. ปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่
การที่เราเอาแต่โทษตัวเอง โทษเขา คิดซ้ำไปมาแต่เรื่องเชิงลบ เราก็จะต้องทุกข์วนไป ไม่สามารถหลุดจากลูปนี้ได้เสียที แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ เปิดใจให้กว้าง พยายามมองโลกในแง่บวกมากขึ้น ลองคิดดูว่าความทรงจำที่เลวร้ายนั้น อาจจะมีข้อดีอะไรอยู่บ้างก็ได้ค่ะ ลิสต์ข้อดีนั้นออกมาชั่งน้ำหนัก เช่น การที่คุณถูกบอกเลิกเพราะเขาไปมีคนใหม่ ก็ลองคิดว่าเป็นโชคดีของเราที่หลุดพ้นคนหลายใจไปได้ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำตอนอยู่กับเขา ลุกขึ้นมาแต่งตัวสวย ปรับลุคใหม่ เท่านี้ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมาก และวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะมามองย้อนขำ ๆ ว่า วันนั้นทำไมต้องเศร้าขนาดนั้น ทั้งที่มันดูไม่มีอะไรเลย
ไม่มีใครสามารถช่วยคุณก้าวผ่านความทรงจำอันเลวร้ายนี้ได้ นอกจากตัวคุณเอง ถ้าคุณยังพอใจที่จะเสียใจ ทำร้ายจิตใจตัวเองแบบวนลูปซ้ำไปมา มันก็จะยากที่จะก้าวให้พ้นได้นะคะ เพราะฉะนั้น จงลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญ มองไปข้างหน้า สิ่งดี ๆ อาจกำลังรอคุณอยู่ก็ได้