หลุมสิว แก้ได้ เปลี่ยนผิวดวงจันทร์ ให้กลับมาเนียนกริบ

ถ้าพูดถึง “สิว” น่าจะเป็นอะไรที่ใครหลายคนไม่อยากเป็น แต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังเป็นวงจรนี่น่ารำคาญเหมือนกันนะคะ เป็นแล้วก็เป็นอีก ขึ้นแล้วก็ขึ้นอีก บางเม็ด พอหายแล้วดันทิ้งหลุมสิวไว้ดูต่างหน้า ให้ได้เจ็บใจเล่นอีกต่างหาก ด้วยความที่หลุมสิวมันสาหัสกว่าการเป็นสิว เพราะจะเอารองพื้นกลบ ก็ทำได้ยาก และถ้าเราโบ๊ะรองพื้นไปเยอะ ๆ เข้า สิวก็อาจจะอุดตัน กลายเป็นสิวอักเสบลุกลามไปอีก ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าที่เรียบเนียน หลุมสิวและริ้วรอยทำให้เสียความมั่นใจไปไม่น้อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรที่หมอจะทำไม่ได้ ถ้าสนใจ ห้ามพลาดบทความนี้

หลุมสิวคืออะไร

หลุมสิวคือร่องรอยของสิวที่เกิดจากการปล่อยให้สิวอักเสบ ลุกลามจนกินพื้นที่ลึกลงไปชั้นใน ถึงขั้นเนื้อเนื้อหายจนกลายเป็นเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งกับบางคนนั้นชอบบีบสิว ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดหลุมสิวได้ด้วย พอบีบ ๆ ไปสิวก็จะจะทวีความรุนแรงจากสิวอุดตันธรรมดา กลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมาแทน ถ้าจะบอกว่าหลุมสิวมักจะเกิดจากตัวเองก็ไม่ผิดนัก เพราะความจริงแล้วการป้องกันที่ดีที่สุด คือการพยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองมีสิวอักเสบ หรือถ้าเป็นแล้วก็ต้องรีบหาทางปฏิบัติเพื่อทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่ถ้าช้าเกินไป จนพลาดไปมีหลุมสิวอยู่บนใบหน้าแล้ว ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆแก้ไขกันต่อไป แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำให้ผิวเติมเต็มหลุมสิวได้เหมือนเดิม 100% แต่เราก็สามารถทำให้เซลล์เนื้อเยื่อใหม่ฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้ถึง 70-80%

ระดับความรุนแรงของหลุมสิว

เราสามารถแบ่งระดับความรุนแรงของหลุมสิว ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา ดังนี้

1. ระดับ Rolling Scar (ระดับทั่วไป)

หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ เป็นแอ่งเว้าลงไป ซึ่งจะกินพื้นที่แค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย หลุมระดับนี้มักจะเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก และทำการ รักษาหลุมสิว ได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆ

2. ระดับ Box Scar (ระดับปานกลาง)

หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจนและมีขอบเขตกว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีความตื้นมากกว่า เพราะจะกินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้กินไปจนถึงชั้นรูขุมขน การรักษาหลุมสิวระดับนี้ จะรักษาแค่หลุมสิวเท่านั้น

3. ระดับ Ice Pick Scar (ระดับรุนแรง)

หลุมสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก มีปากแคบ รักษาได้ยากมาก เพราะแนวหลุมเป็นไปในทางลึกกว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็ม การรักษาหลุมสิวประเภท Ice pick scar จะต้องใช้เวลานาน ซึ่งหลุมระดับนี้นั้นใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ จะทำได้เพียงแค่ช่วยให้รอยหลุมสิวนั้นตื้นขึ้นมาเท่านั้น

วิธีรักษาหลุมสิว

หลุมสิวไม่ใช่เรื่องตลก อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่า หากเป็นหลุมสิวในระดับที่ไม่ลึกมาก ก็จะสามารถรักษาให้กลับมาเนียนสนิทเหมือนเดิมได้ แต่ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป เราจะตามไปดูวิธีรักษากันค่ะ

การรักษาด้วยเลเซอร์รักษาหลุมสิว

เลเซอร์รักษาหลุมสิว (Laser Resurface) เป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้รักษาหลุมสิวได้ครอบคลุมทั้ง 3 ประเภท โดยจะทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น ซึ่งเลเซอร์จะมีด้วยกันหลายชนิด ได้แก่

Cool Touch Laser

เป็นการยิงเลเซอร์เข้าไปที่ผิวหนังชั้นกลาง ให้น้ำในผิวอุ่นขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เลเซอร์แบบนี้จะไม่ค่อยเจ็บมาก เพราะก่อนทำ แพทย์จะทายาชาเพื่อลดความรู้สึกก่อนลงมือรักษา หลังจากยิงเลเซอร์จะพบเพียงรอยแดง ๆ ให้เห็นราว ๆ 1-2 ชั่วโมง

เหมาะสำหรับ : หลุมสิวประเภท Rolling Scar

ความถี่ในการทำ : ทำติดต่อกัน 5-7 ครั้ง โดยจะนัดห่าง 2-4 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล

Laser Fraxel

เลเซอร์ชนิดนี้จะใช้คลื่นแสงช่วงกลางที่มีอนุภาคเล็กมาก ๆ ยิงเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้เซลล์เกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อเซลล์ตายก็จะเกิดการสร้างเซลล์ใหม่ และมีการผลัดเซลล์ขึ้นมาใหม่ เลเซอร์นี้ค่อนข้างเจ็บกว่าชนิดก่อนหน้านี้ หลังทำจึงต้องเลี่ยงการออกแดด

เหมาะสำหรับ : หลุมสิวระดับ Box Scar ขึ้นไป

ความถี่ในการทำ : 4-5 ครั้ง ต่อเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอักเสบมากเกินไป

Laser Fractional CO2

เลเซอร์ชนิดนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ แต่ข้อเสียที่ต้องระวังของเลเซอร์ชนิดนี้คือ สามารถทำให้เกิดพังผืดแบบแนวดิ่งได้ ในขณะเดียวกันก็จะทำลายผิวหนังชั้นบนไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ก่อนที่ผิวจะค่อย ๆ สร้างขึ้นใหม่ตามธรรมชาติ และจะต้องคอยหลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากผิวจะคล้ำและเป็นรอยได้ง่าย

เหมาะสำหรับ : หลุมสิวระดับ Ice Pick Scar สามารถรักษาหลุมสิวได้ประมาณ 70%

ความถี่ในการทำ : 4 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง

IPL (Intense Pulse Light)

การทำ IPL ที่บริเวณหลุมสิวนั้น เป็นการใช้เลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังให้สร้างมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณที่เป็นหลุมสิวตื้นขึ้น มีผลข้างเคียงทำให้เกิดรอยแดงคล้ำและกลายเป็นสะเก็ด จึงจำเป็นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำ เพราะหากใช้พลังงานที่สูงเกินไป อาจทำให้ผิวไหม้ได้

เหมาะสำหรับ : หลุมสิวระดับ Rolling Scar ถ้านำไปใช้กับหลุมสิวประเภทอื่นจะเห็นผลช้ามาก ๆ

ความถี่ในการทำ : ทำติดต่อกัน 4 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง

สำหรับใครที่มีปัญหาหลุมสิว คงจะได้ข้อมูลกันไปไม่มากก็น้อยนะคะ แต่ทางที่ดี ไม่ควรตัดสินใจเองว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน แต่ควรเข้ารับคำแนะนำและปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

• Facebook
• X
• Line