จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหึงไม่ได้แปลว่ารักเสมอไป

ความอิจฉาอาจจะเกิดกับคนที่เราไม่ได้รัก และเราไม่อยากให้เขามีความสุขเกินหน้าเกินตา แต่ในขณะที่ หึง จะเกิดกับคนที่เรารักและไม่อยากให้เขาไปมีความสุขเกินหน้าเกินตากับคนอื่น ลองถามตัวเองกันดูค่ะว่าคุณเป็นคนขึ้หึงไหม หรือคุณเคยหึงใครไหม และคุณชอบคนหึงหรือเปล่า

มีใครเคยสังเกตอาการของสุนัขกันไหมคะ เจ้าสุนัขที่เราเลี้ยง ๆ กันอยู่ จะเกิดอาการหนึ่งขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า “หวง” เวลาที่เจ้าของไปทักทายหรือเล่น สนิทสนมกับสุนัขตัวอื่น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสัตว์นี่หวงหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหวงไข่ หวงอาหาร (ยังไม่นับกับสุนัขที่หวงก้างด้วยนะคะ) แล้วยิ่งหากเป็นสัตว์เลี้ยง มันก็จะหวงนายของมันอีกด้วย บางตัวก็งอนไปเลย เรียกไม่หัน ไม่มา ไม่กิน บางตัวทนไม่ได้ถึงขั้นเอาตัวเข้าไปแทรกกลางระหว่างเจ้านายและสุนัขอีกตัว เพื่อให้ตัวเองอยู่ในจุดความสนใจ อาการหวงเจ้าของที่ว่านี้ แท้จริงแล้วอาจจะเรียกว่าเพราะมันกำลัง “หึง” ได้หรือไม่ หรือเราใช้คำว่าหึงแค่กับคนเท่านั้น เพราะยังไม่มีคนเคยบอกว่าหมามันจะหึงเจ้าของได้หรือเปล่า อย่างมากเราจะได้ยินแค่ว่ามันหวง และคงไม่มีใครกล้าไปถามเจ้าของกันหรอกใช่ไหมคะว่าตกลงแล้วมันหวงหรือหึงกันแน่

บางครั้งก็อดหลงคิดไปว่านิสัยหึงคงจะมีแค่กับในมนุษย์เท่านั้น แต่ด้วยพฤติกรรมบางอย่างก็ทำให้เกิดเป็นเรื่องน่าคิดว่าสุนัขและสัตว์เลี้ยงบางอย่างก็มีพฤติกรรมเดียวกัน ที่แสดงออกว่าพวกมันมีความรัก ให้ความสำคัญกับความรักแบบที่จะได้ครอบครอง เหมือนกับมนุษย์เรานี่แหละ หรือมันเลียนแบบนิสัยของมนุษย์มากันแน่

 

หรืออย่างในละครไทยบ้านเรา มักจะมีมุขที่เราเรียกกันว่ามุขบังเอิญ สมมติว่านางเอกเกิดไปทานข้าวกลางวันกับเพื่อนชายคนสนิทคนหนึ่ง ในเวลาเดียวกันและร้านอาหารเดียวกัน พระเอกก็ดันพาคนรักเก่าที่ตามไปเซ้าซี้ถึงที่ทำงานมาทานข้าวด้วยเช่นกัน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ที่จังหวะเหมาะเจาะให้สายตาของทั้งคู่ได้มองเห็นช็อตเด็ด อาจจะมีการทักทายกันตามมารยาท แต่พฤติกรรมหนึ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือต่างฝ่ายต่างแกล้งทำเป็นสนิทสนม เอ็นจอย เอาใจผู้ร่วมโต๊ะ เพื่อให้คนรักที่อยู่อีกโต๊ะเกิดอาการ “หึง” ด้วยความที่ละครเจ้ากรรมกลัวว่าจะสื่อไม่ถึงคนดู ก็ต้องมีฉากให้แสดงออกว่าทั้งคู่รักกัน ไม่เช่นนั้นจะหึงกันไปทำไม ทำให้บางครั้ง เราก็อดสงสัยไม่ได้ใช่ไหมคะว่า “หึงแปลว่ารักจริง ๆ น่ะหรือ?”

อาการหึงไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคู่ นั่นจะแปลว่าถ้าไม่หึง แปลว่าไม่รัก มันก็ดูไม่ถูกต้องนัก อันที่จริงแล้ว คนที่รักกัน หึงหวงกัน ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาให้มันมากเกินไป และไม่จำเป็นต้องเรียกร้องความสนใจด้วยการให้อีกฝ่ายหนึ่งมีหึงหวงจนเสียงานเสียการ แน่นอนว่าอาการแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ แต่ว่าการตีโพยตีพาย โวยวายให้ความหึงมันโหมกระหน่ำมาก ๆ ก็เป็นสิ่งที่คนมีสติเขาห้ามกันได้ค่ะ เช่น บางคนบอกว่าไว้ใจแฟนมาก แต่พอรู้ว่าแฟนตัวเองไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิง ก็ตามืดตามัว ตีโพยตีพาย แบบนี้เรียกว่ารักยังคงยืนขนาบกับความหึงหวงอยู่ดี

 

หลายคู่ที่ครองรักกันมาอย่างยาวนานจะมองว่า “หึงเป็นความรู้สึกเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งของคนเรา” ที่มีพัฒนาการมาจากความอิจฉา ต่างกันตรงที่ความอิจฉานั้นจะเกิดกับคนที่เราไม่ได้รักและและเราไม่อยากให้เขามีความสุขเกินหน้าเกินตา แต่ในขณะที่ หึง จะเกิดกับคนที่เรารักและไม่อยากให้เขาไปมีความสุขเกินหน้าเกินตากับคนอื่น อย่างที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้น พูดง่าย ๆ คืออิจฉาเขา แล้วยังเอาไปรวมกับความสงสารตัวเองเข้าไปอีกค่ะ มันเลยทำให้เรื่องไปกันใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนเราจะหึงหวงกันไม่ได้เลยนะคะ เพราะไม่มีใครห้ามไม่ให้หึงหวง เพียงแต่ว่าเราควรเหลือพื้นที่ในสมองไว้รับฟังและพิจารณา มีสติพอที่จะทำใจให้หนักแน่น ไม่แกว่งไปมาตามอารมณ์ หากเราคุมสตินั้นไว้ได้ ความหึงหวง หน้ามืดหน้ามัวที่ถูกครอบงำสติของเราไว้ก็จะคลี่คลายและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรัก เพราะบางที “หึง” อาจจะแปลว่า “หวง” แต่ “ห่วง” อาจจะแปลว่า “รัก” ก็ได้

การนิ่งเฉยไม่ได้แปลว่าคุณจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป เพราะการระวังอาจเปลี่ยนเป็นการระแวง ระวังไว้บ้างมันก็ดี อะไรที่มันมากไป รับรองว่าพังสถานเดียว ห่วงมากไป หึงมากไป หวงมากไป ระแวงมากไป ที่สุดคู่ของเราจะยิ่งอึดอัดและเตลิดไปแบบกู่ไม่กลับ เพราะฉะนั้นจึงควรบาลานซ์ความรู้สึกเหล่านี้ไปพร้อมกับสติที่เป็นเหมือนดั่งน้ำที่มาชะโลมหัวใจที่ร้อนดังไฟบรรลัยกัลป์ ให้กลับมาเย็น สงบ พร้อมเปิดรับสติเพื่อไตรตรองความเป็นไป โดยปราศจากอคติที่มาครอบงำจนทำให้เรากลายเป็นคนหูหนวก ตาบอด วางใจเป็นกลาง มองโลกให้เป็นจริงมากกว่านำจิตของเราไปปรุงแต่งจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราว

 

49 thoughts on “จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหึงไม่ได้แปลว่ารักเสมอไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *