ในโลกใบนี้มีสีจำนวนมาก ทั้งโทนร้อน โทนเย็น ซึ่งแต่ละสีก็ให้ความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ข้อความนี้ถูกยืนยันด้วยหลักจิตวิทยาแล้วว่าส่งผลต่ออารมณ์จริง ๆ ด้วยเหตุนี้เอง มนุษย์เราจึงนำประโยชน์จากหลักการนี้ไปใช้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการแต่งตัว เมื่อสีกับแวดวงแฟชั่นมาเกี่ยวข้องกัน ทำให้เกิดเป็น “สไตล์” และ “บุคลิกภาพ” ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ แม้คำว่าแฟชั่นจะไม่มีถูกผิด แต่เราก็ยังพึงพอใจที่จะเลือกอะไรที่เราชอบเสียมากกว่าอะไรที่เหมาะกับเรา แม้จะไม่เข้ากับเราก็ตาม ซึ่งทฤษฎีนี้ก็ทำให้ความชอบกับความเหมาะสมสวนทางกัน แต่เราก็มาถึงยุคสมัยที่ต้องเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับเรา ใส่ออกมาแล้วดูดี
ค้นหาสีที่ใช่
แต่ละสีจะเหมาะแค่กับแต่ละคน นั่นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับสีทุกสี ซึ่งเฉดสีนั้นเราสามารถแบ่งออกมาได้ 3 เฉดหลัก ๆ คือ Warm ( สีโทนร้อน) Cool (สีโทนเย็น) Natural (ถ้าแปลตรงตัวคือ สีโทนธรรมชาติ ในที่นี้หมายถึงสีโทนกลาง ๆ) ตามหลักการเลือกสีให้เข้ากับตัวเรานั้น ตามเม็ดสีในตัวเรา โดยดูจากสีเส้นเลือดของเราค่ะ ลองหงายแขนของคุณขึ้นมา และสังเกตสีของเส้นเลือดและสีผม ดังนี้
ลักษณะ
- สีเส้นเลือด
- สีผม (โคนผม)
Warm Tone
- เขียว
- ดำ บลอนด์ออกแดง
Cool Tone
- ม่วงหรือน้ำเงิน ฝ่ามือแดง
- น้ำตาล ทอง ดำไม่สนิท
Natural Tone*
- น้ำเงิน+เขียวปนกัน
* Natural Tone สามารถใส่สีอะไรก็ได้
นอกจากที่เราต้องรู้ว่าสีอะไรที่จะช่วยดึงออร่าให้กับตัวเราได้แล้ว สิ่งที่สาว ๆ ควรจะรู้คือ การ Mix & Match สีเสื้อผ้าให้เข้ากัน หลายคนอาจจะกังวลว่าถ้าหากสีมีความ Contrast กันมาก ๆ จะไม่ดีหรือเปล่า อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นแล้วค่ะ สำหรับแฟชั่น ไม่มีถูกไม่มีผิดค่ะ บางคนมีลุค Contrast ก็สามารถใส่สีที่ตัดกันได้อย่าลงตัว และยังช่วยดึงให้ดูโดดเด่นขึ้นด้วยค่ะ เรามีวิธีการง่าย ๆ ที่จะช่วยให้สาว ๆ Mix & Match สีเสื้อผ้าออกมาให้ดูดีได้ไม่ยาก กับ Color Dressing Guide จาก A Pair & A Spare ค่ะ
วิธีการดูชาร์ตสีด้านบน
- ช่องแรก Main Color : สีเสื้อผ้าหลัก
- ช่องสอง Outfit Pairing : สีเสื้อผ้าที่จะนำมาจับคู่กับสีเสื้อผ้าหลัก และสร้างลุค Contrast
- ช่องสาม Tonal Outfit : สีเสื้อผ้าที่จะนำมาจับให้ไปในโทนเดียวกัน
เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น จะขอยกตัวอย่าง เช่น สีเสื้อผ้าหลักคือ สีชมพู (Pink) สีที่สามารถนำมาแมตช์กันได้คือ สีฟ้าอ่อน น้ำเงินเข้ม เทา ขาว และดำ ส่วนสีที่สามารถจับไปในโทนเดียวกันได้ คือ สีแดงและสีเบจ แล้วถ้าเกิดอยากใส่เสื้อผ้าสีโทนกลาง ๆ บ้างล่ะ เราก็มีมาให้ดูเช่นกันค่ะ
สำหรับชาร์ตของโทนสีกลาง ๆ
นั้นจะมีความแตกต่างจากชาร์ตก่อนหน้านี้นิดหน่อยค่ะ นั่นคือ การแยกสีที่ Contrast ออกมาอย่างชัดเจน
- ช่องแรก Main Color : สีเสื้อผ้าหลัก
- ช่องสอง Tonal Outfit : สีเสื้อผ้าที่จะนำมาจับให้ไปในโทนเดียวกัน
- ช่องสาม Contrast Outfit : สีเสื้อผ้าที่จะนำมาจับให้เกิดลุคที่แตกต่างออกไป
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ขอยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเราชอบใส่เสื้อสีเทา แต่วันดีคืนดีเราอยากจะปรับลุค ของเราให้ดู Contrast แปลกตาขึ้นอีกนิด ด้วยการจับสีกากีหรือสีนู้ดมาแมตช์ด้วยกัน ก็ทำให้ดูโดดเด่นไม่น้อยนะคะ
ไม่ว่าสาว ๆ จะ Mix & Match แบบไหน จำไว้ว่า แฟชั่นไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ขอเพียงเรามั่นใจในตัวเองก็สามารถที่จะดึงออร่าในตัวเองออกมาได้แล้วค่ะ แต่หากใครอยากจะให้ออร่าโดดเด่นยิ่งขึ้นแล้วล่ะก็ ลองใช้ทฤษฎีเทียบสีที่ทางเราแนะนำข้างต้นก็ได้เหมือนกัน ขอให้สนุกกับการแต่งตัวนะคะ
eriacta sob – forzest ford forzest difficulty