จะว่าไปตั้งแต่โควิดมา เราก็ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้เลย แอบเศร้าอยู่นิด ๆ แต่อย่ามัวแต่เศร้าไปค่ะ เพราะว่าเมืองไทยของเราก็มีเที่ยวที่ติดอันดับโลกอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ โดยเฉพาะที่เที่ยวทางธรรมชาติที่รับรองว่าไม่ว่าใครได้ลองมา เป็นต้องร้องขออยู่ต่อ เพราะมันสวยจับใจ เราจะพาทุกคนตามไปเที่ยวในเมืองไทยของเรานี้แหละค่ะ แต่ความไม่ธรรมดาอยู่ตรงที่ได้ฟีลเหมือนไปเที่ยวเมืองนอก ถ้าพร้อมจะฟินกันแล้ว ตามไปดูกันเลย
1. ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน
ถ้าหากใครเคยได้ขึ้นเหนือไปที่ จ.แม่ฮ่องสอนแล้วล่ะก็ จะต้องไม่พลาดกับการไปชมความงามของธรรมชาติบนยอดเขาสูงซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในโครงการพระราชดำริ นั่นคือ “ปางอุ๋ง” ที่นี่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้น เราจะได้เห็นแสงแดดสีทองสะท้อนกับผิวน้ำเป็นวงกว้าง ตัดกับสีเขียวของต้นไม้และภูเขาบริเวณแถว ๆ นั้น ผสานกับไอหมอกจาง ๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว บอกเลยว่าโรแมนติกมาก ที่นี่สวยงามจนถูกเรียกว่า “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” ใครมีโอกาสลองแวะไปชมความงามนั้นได้
2. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี
จากเหนือโดดไปยังแดนดินถิ่นอีสาน เลียบแม่น้ำโขงอย่าง จ.อุบลราชธานี นับว่าที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวย ๆ อยู่เยอะเลยค่ะ “สามพันโบก” ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เมื่อแม่น้ำโขงลดลง จะเผยให้เห็นถึงเกาะแก่งหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติที่งดงามชวนให้ผู้คนได้มาสัมผัส ถ่ายรูปกันมากมาย ซึ่งที่นี่กินอาณาบริเวณเป็นวงกว้าง และเมื่อแสงแดดสีทองทอดยาวลงมา เป็นภาพที่สวยงาม ตรึงสะกดทุกสายตาจริง ๆ จนถูกเรียกว่า “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ใครได้มาอุบลฯ แล้วไม่มาที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
3. บ้านป่าบงเปียง จ.เชียงใหม่
นาสีเขียวทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มีความโดดเด่นด้วยรูปแบบของนาขั้นบันไดที่บ้านป่าบงเบียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่นั่นเอง ที่นี่เป็นท้องนาบนเนินเขาสูง สีเขียวอ่อนตัดสลับกับสีเขียวเข้มของป่าเขา และท้องฟ้าสีฟ้าใส ยิ่งทำให้บรรยากาศที่นี่ดูดีและสดชื่นไปอีก ยิ่งในช่วงหน้าฝนหรือปลายฝนต้นหนาว ที่นี่จะได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าเป็นจุดชมวิวที่คนพากันแวะเวียนมาถ่ายรูปกันบ่อย ๆ หลายคนเห็นความโดดเด่นที่เป็นนาขั้นบันไดแบบนี้ อาจจะพาให้นึกถึงบรรยากาศนาขั้นบันไดซาปาที่ประเทศประเทศเวียดนามใช่ไหมล่ะคะ ความสวยงามนั้นกินกันไม่ลงเลยค่ะ ตัดสินไม่ได้เลยว่าที่ไหนสวยกว่ากัน ถ้าใครคิดถึงเวียดนาม ก็ไปตำที่นี่กันก่อนนะคะ แทนกันได้แน่นอน
4. เกาะพยาม จ.ระนอง
แต่ถ้าใครเป็นสายทะเลแล้วล่ะก็ แนะนำที่นี่เลยค่ะ “เกาะพยาม” จ.ระนอง ขึ้นชื่อว่าเกาะ ก็พกการการันตีมาแล้วว่าน้ำจะต้องใส สะอาด และความงามแน่น ครบจบแน่ ๆ เกาะพยามตั้งอยู่ที่ ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นทะเลในฝั่งอันดามัน อย่างที่เรารู้กันดีว่าทะเลฝั่งอันดามันนั้นมีความสวยงามระดับโลกมากแค่ไหน ซึ่งไฮไลท์ของเกาะนี้คือบริเวณรอบ ๆ แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เบญพรรณ รวมถึงภูเขาขนาดย่อม ๆ ที่เป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ ยังคงความเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งไฮไลท์คือ ที่นี่ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเจ้านกเงือกด้วยค่ะ น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้ต่างชาติเรียกที่นี่ว่า “มัลดีฟท์เมืองไทย”
5. เขาสก เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี
ถ้าพูดถึงเขาสกและเขื่อนรัชชประภาจะต้องบอกก่อนเลยว่าทั้งสองที่นั้นเป็นคนละที่กันแต่มีความสัมพันธ์กันและพื้นที่อยู่ในโซนใกล้เคียงกันนะคะ เขาสก เป็นป่าฝนขนาดใหญ่และยังเป็นเขตอุทยานแห่งชาติที่ยังคงไว้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ เขียวขจี เย็นฉ่ำ สดชื่นจากสายน้ำ รวมถึงเป็นต้นน้ำของแม่น้ำตาปี โดยการเที่ยวเขาสกนั้นจะแบ่งออก 2 แบบ คือ เที่ยวในเขื่อนรัชชประภากับเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติเขาสกเอง ทั้งสองแบบนั้นคุณสามารถได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบเน้น ๆ คุณภาพจัดเต็ม มีจุดให้ได้ชมวิว ถ่ายรูปสวยเลยค่ะ ที่นี่เราเรียกกันว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” เผลอ ๆ อาจจะสวยกว่าด้วยมั้ง
6. มอหินขาว จ.ชัยภูมิ
จริง ๆ แล้วอีสานเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยปะติมากรรมทางธรรมชาติเลยนะคะ และอีกหนึ่งที่ ถ้าคุณเคยได้ไปสโตนเฮนจ์ที่อังกฤษแล้วคุณจะต้องร้อง อ๋ออออ กับที่นี่ค่ะ “มอหินขาว” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมินี้เอง ถือว่าธรรมชาติสรรค์สร้างจริง ๆ มันคือกลุ่มหินโบราณ์ที่มีการงอกขึ้นมากระจายตัวอยู่บริเวณโดยรอบบนพื้นที่ทุ่งหญ้าโล่ง ๆ โดยหินแต่ละก้อนก็จะมีรูปร่าง รูปทรงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทั้งหมดนั้นเกิดจากการกัดเซาะของทั้งลมและฝนตามธรรมชาติมาเป็นระยะเวลายาวนาน การจะมองว่าหินนั้นเป็นรูปอะไรก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ
7. วัดพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จ.ลำปาง
ภาคเหนือขึ้นชื่อในเรื่องของศิลปะแบบล้านนา แต่วัดพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ที่ จ.ลำปางนั้น กลับให้ฟีลเหมือนได้ไปธิเบตเลยค่ะ เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มีไฮไลท์เด่น ๆ อย่างเจดีย์สีขาวที่ตั้งเรียงรายบนหินได้อย่างอัศจรรย์จนถูกยกให้เป็น Unseen Thailand ไปแล้วค่ะ รวมถึงจุดชมวิววที่สวยแบบอลังการ แม้ว่าการเดินทางขึ้นไปจะยากสักหน่อย แต่ถ้าใครได้ไปจนถึงที่หมายแล้ว คุณจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน
ใครโหยหาอยากไปเที่ยวเมืองนอก ก็หันมาเที่ยวในเมืองไทยเราไปก่อนนะคะ เป็นการช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยไปในตัว ที่คุณภาพและความสวยงามไม่แพ้เมืองนอกแน่นอน