เลือกให้เป็น เคล็ดลับใช้ Skincare อย่างไรให้เห็นผลที่สุด

เคล็ดลับใช้ Skincare

สาว ๆ เคยเป็นกันไหมคะ ไม่ว่าจะใช้สกินแคร์ตัวไหน ทำไมไม่เห็นผลสักที ใช้จนท้อกันไปเลย แต่ในขณะที่บางตัว ใช้ไม่นานก็เห็นผลลัพธ์แล้ว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? นั่นอยู่ที่การเลือกใช้สกินแคร์ของเราด้วยค่ะ เพราะสกินแคร์แต่ละประเภทจะมีประสิทธิภาพของข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป แล้วจะใช้อย่างไรให้เห็นผลที่สุด เราตามไปเรียนรู้เรื่องนี้กันค่ะ

รู้หรือไม่ว่าสกินแคร์แต่ละชนิดใช้เวลาที่แตกต่างกัน

  สกินแคร์แต่ละชนิดใช้เวลาที่จะเห็นผลลัพธ์หรือประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวนั้น ๆ ในเวลาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราแบ่งประเภทของสกินแคร์ออกดังนี้

  • กลุ่มลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว

  กลุ่มแรกที่เราเรียกกันว่า “Soothing” เป็นกลุ่มที่ช่วยลดการอักเสบ อย่างรอยแดงต่าง ๆ และปลอบประโลมผิว หากใช้สกินแคร์กลุ่มนี้ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 5 – 7 วัน หรือภายใน 1 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลลัพธ์เป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะกระบวน การอักเสบจะใช้เวลาช่วงหนึ่ง จนถึงตอนที่หายอักเสบ ระยะเวลาการเห็นผลจะขึ้นอยู่กับ ความรุนแรงของบริเวณที่อักเสบร่วมด้วย ถ้าเกิดการอักเสบที่น้อย อาจใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ อาจเพียงแค่ 2 – 3 วันก็หายได้เช่นกันค่ะ

  • กลุ่มลดเลือนริ้วรอย

  กลุ่มถัดมาเป็นกลุ่มที่นับว่ายอดฮิตสำหรับสาว ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ ช่วงวัย 30+ กับกลุ่มลดเลือนริ้วรอย หรือ Anti-aging สำหรับสกินแคร์กลุ่มนี้เป็นอะไรที่สาว ๆ จะต้องใช้ความอดทนกันสักหน่อยค่ะ เพราะใช้เวลานานมากกว่าที่จะเห็นผล เขาถึงบอกว่าการป้องกันการเกิดเกิดริ้วรอยทำได้ง่ายกว่าการรักษาริ้วรอย โดยสกินแคร์กลุ่มนี้จะใช้ระยะเวลาในการเห็นผลอยู่ที่ประมาณ 12 – 24 สัปดาห์ ใครที่ใช้ส่วนผสม retinol หรือ peptide ในการช่วยเรื่อง anti-aging ใช้ในระยะยาว ๆ เพราะมันต้องรอให้พวก fibroblast cell สร้าง collagen elastin เพิ่มขึ้น เรียกว่าอยากสวยก็ต้องอดทนรอกันหน่อยล่ะค่ะ

  • กลุ่มเพิ่มความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ

อีกหนึ่งกลุ่มที่ช่วยให้ผิวหน้าของสาว ๆ ดูสุขภาพดี นั่นคือกลุ่มเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าดูอิ่มน้ำ หรือที่เราเรียกกันว่า “มอยส์เจอร์ไรเซอร์และไฮยา” สกินแคร์ประเภทนี้จะทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว คนไหนที่ผิวแห้งก็คงจะรู้จักสกินแคร์กลุ่มนี้เป็นอย่างดี ผลจากการเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวของคุณจะดูอิ่มน้ำ อ่อนเยาว์กว่าวัย รักษาความฉ่ำวาว และนุ่มเด้งซึ่งมาจากความชุ่มชื้น เป็นกลุ่มที่เห็นผลเร็วสุด  เห็นผลได้เวลาในเพียง 1 วันเท่านั้น  เพราะ เป็นกลุ่มที่ใช้เวลาหลักชั่วโมงถึงหนึ่งวันเท่านั้น ก็สามารถเห็นผลได้เลย  เมื่อเราใช้ตัวไหนแล้วผิวฟู ผิวชุ่มชื้นไม่แห้ง ถือว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นถูกกับหน้าของเรา ต้องเช็กลิสต์ไว้เลยค่ะ

  • กลุ่ม antioxidant

กลุ่มที่สำคัญกับผิวหน้าของสาว ๆ ที่ขาดไม่ได้เลยอย่าง กลุ่ม antioxidant ซึ่งเป็นสกินแคร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระผสมอยู่ มีหน้าที่ป้องกันเซลล์จากการถูกทำลาย ให้ผิวของเราเสื่อมช้าลง สกินแคร์ประเภทนี้ จะเห็นผลในระยะเวลา  8 – 12 สัปดาห์ ขึ้นไป ใช้เวลาที่นานและค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ ดังนั้นใครที่ใช้ skincare กลุ่ม AOX  ต้องใจเย็น ๆ หน่อย บอกเลยว่าถึงจะเห็นผลช้า แต่รับรองว่าเห็นผลแน่นอน

  • กลุ่มผลัดเซลล์ผิว BHA AHA

สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องสิว ก็ต้องพึ่งพาสกินแคร์ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิว BHA AHA ทั้งสองตัวเป็นกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายให้ออกไป พร้อมคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องผิวจากสิว มีความแตกต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ จึงสามารถทำความสะอาดรูขุมขนที่เป็นแหล่งเกิดน้ำมันบนใบหน้าได้มากกว่า และช่วยลดความมันได้ดี แต่ AHA ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้จึงทำงานได้ดีบนผิวหน้าชั้นบนเท่านั้น ซึ่งทั้งสองตัวนั้นจะใช้ระยะเวลาที่จะเห็นผลโดยรวมประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เราจะเห็นผลก็เมื่อทั้งสองตัวดันให้สิวโผล่ออกมาชมโลกนั่นเอง กินระยะเวลาสักหน่อย แต่ได้ผลดีเยี่ยมจริง ๆ ใครทนช่วงเวลาหน้าพังได้ ก็พร้อมรับหน้าใสหลังจากนั้นได้เลย

  • กลุ่มกระชับรูขุมขน

กลุ่มถัดมาเป็นกลุ่มที่สาว ๆ แทบจะกว้านซื้อมาเก็บไว้ ก็คือกลุ่มกระชับรูขุมขน ซึ่งปัญหารูขุมขนกว้าง ส่วนใหญ่เกิดจากกรรมพันธุ์ และการดูแลผิวหน้าอย่างไม่ถูกวิธี ดังนั้นการจะทำให้รูขุมขนกลับมากระชับ ก็ต้องใช้ระยะเวลากว่า 4 – 8 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นเลยค่ะ ซึ่งประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขนนั้นมักจะเห็นผลไม่มาก ถ้าอยากจะเอาชัวร์ การเลเซอร์จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้มากกว่า แต่ถ้าใครหวังผล พวกสิวเสี้ยน รูขุมขน สามารถใช้ต่อเนื่องได้เลย ประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป อดทนกันหน่อยน้า

  • กลุ่มเสริมเกราะปกป้องผิว

กลุ่มสุดท้ายที่นำมาฝากกันคือ กลุ่มเสริมเกราะปกป้องผิว หรือ skin barrier หมายถึงการดูแลผิวชั้นนอกสุด เพื่อสร้างเกราะปราการมาปกป้องผิวของเรา ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ปกป้องไม่ให้เกิดการระคายเคือง ไม่ให้เชื้อโรคเข้าผิว และช่วยปกป้องไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไป โดยใน Skin Barrier ก็จะมีส่วนประกอบเป็นเซลล์ผิวหนัง มีไขมัน และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวให้เกาะกันไว้ ซึ่งหาก Skin Barrier ของเราอ่อนแอ หรือมีรอยรั่ว อาจเกิดอาการแพ้ ผิวระคายเคือง แพ้ง่าย ผิวแห้งลอก รวมไปถึงทำให้ผิวมันขาดน้ำ สกินแคร์กลุ่มนี้จะเห็นผลในระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป กลุ่มนี้จะต่างจาก
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะมีเรื่องของการเสริมความแข็งแรงให้กับผิวเพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ

  เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว ว่าสกินแคร์แต่ละกลุ่มก็ล้วนมีระยะเวลาที่จะแสดงผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือเราควรจะดูแลผิวหน้าและหมั่นใช้สกินแคร์กลุ่มต่าง ๆ อย่างเป็นประจำและต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา และอย่าลืมที่จะเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ